หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Jennifer Warnes : The Hunter / CD (Private Music 01005-82089-2)


ALBUM  The Hunter
ARTIST  Jennifer Warnes
LABEL  Private Music 01005-82089-2

SONG:  10 SOUND:  9

Media Format: CD
Sound Format: PCM 44.1kHz/16bit_stereo 2 Ch.
Genre:  Rock
Style:  Pop Rock, Adult Contemporary
Release:  1992
Track  10
Time  36:25
Made in ไม่ได้ระบุแหล่งผลิต

คุณเคยลืมสนิทมั้ยครับ..??

เคยจับต้องอะไรอยู่ทุกวันแต่พอจะใช้งานกลับลืมนึกถึงมันไปซะเฉยๆ เคยเป็นมั้ยครับ.? ก่อนหน้านี้ผมมีความเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าผมเคยวิจารณ์ซีดีอัลบั้มนี้ไปแล้ว ก็เลยไม่เคยมีความเฉลียวใจที่จะหยิบมันขึ้นมาทำการวิจารณ์เลยแม้ว่าผมค่อนข้างจะหยิบฉวยซีดีแผ่นนี้ขึ้นมาใช้ในการทดสอบคุณภาพเสียงของชุดเครื่องเสียงอยู่เนืองๆ จวบจนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนฝูงในชมรมบ้าแผ่นด้วยกันทักท้วงกับผมว่าทำไมไม่วิจารณ์ซีดีแผ่นนี้สักที ผมจึงกลับมาค้นข้อมูลดูถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วผมยังไม่เคยเขียนวิจารณ์ซีดีแผ่นนี้ลงพิมพ์ที่ใดมาก่อนเลย
ลืมมันไปได้ยังไงกัน..!!



ซีดีแผ่นนี้ออกมาวางขายหลายปีแล้วครับ ตั้งแต่ปี 1992 โน่นแน่ะ.. สิบห้าปีเข้าไปแล้ว งานเพลงชุดนี้เป็นผลงานเพลงลำดับต่อจากงานอัลบั้มชุด Famous Blue Raincoat ของนักร้องสาว Jennifer Warnes ที่โด่งดังไปทั้งวงการเพลงและวงการเครื่องเสียงของเรานั่นเอง เธอคนนี้เป็นศิลปินคุณภาพที่พิถีพิถันในการสรรค์สร้างผลงานอย่างยิ่ง ผลงานของเธอแทบทุกชุดจะต้องมีความโดดเด่นปรากฏอยู่เสมอ นักฟังเพลงที่เน้นคุณภาพของบทเพลงที่ฟังแล้วเข้าถึงอารมณ์และมีสีสันของการเรียบเรียงดนตรีที่สละสลวยงดงาม เมื่อได้ฟังงานของเธอแล้วต่างก็พออกพอใจในผลงานของศิลปินผู้นี้กันถ้วนหน้า

ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเก็งกับความสำเร็จเกินคาดที่เะอได้รับจากงานชุด Famous Blue Raincoat รึเปล่า.? ทำให้เธอต้องใช้เวลานานถึง 5 ปีในการรวบรวมพลังสร้างงานขุดนี้ขึ้นมา ถามว่าดีเท่าชุด Famous Blue Raincoat มั้ย.?? ก็ต้องบอกว่า ไม่เท่าครับ.. แต่หากถามต่อว่า แล้วดีพอจะถือว่าเป็นงานคุณภาพระดับห้าดาวได้มั้ย..? อันนี้ต้องขอบอกว่า สบายมากครับ.!!

เพราะหากเอาคุณภาพมาตรฐานทั่วไปมาวัดแล้วก็ต้องให้คะแนนเธอเต็มห้าดาวไปเลยสำหรับคุณภาพเพลงที่ฟังแล้วให้ความเพลิดเพลินในอารมณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเพลงเอง, การเรียบเรียงดนตรี ตลอดจนถึงลีลาการขับร้องของเธอนั้น ทุกสิ่งถ้วนล้วนดีเยี่ยมครับ

เป็นแผ่นเพลงที่คุณต้องชอบเมื่อได้ฟัง.. ผมเอาหัวเป็นประกัน..!!

คุณๆ ที่เป็นนักฟังเพลงตัวจริงเห็นรายชื่อเพลงแล้วก็คงจะทราบว่า เกือบทั้งหมดนั้นเป็นเพลงที่เธอหยิบเอางานของคนอื่นมาร้อง หรือไม่ก็เพียงเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณไม่เจนจัดในปริมาณการฟังมามากพอ ก็จะจับไม่ได้ว่าเป็นเพลงเก่าของศิลปินคนอื่น เพราะเพลงที่เธอเลือกมาส่วนใหญ่จะไม่ใช่เพลงฮิตติดตลาดแม็ส นั่นทำให้อัลบั้มชุดนี้ดู “สด” สำหรับคนฟังทั่วไป พูดอย่างนี้ดูเหมือนจะไม่ให้เกียรติเธอ.. แต่จริงๆ แล้ว Jennifer Warnes เธอมีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงได้ดี เป็นความสามารถแบบเดียวกับนักร้องเพลงแจ๊สเก่งๆ เค้ามีกัน ดังนั้น เธอแทบจะไม่จำเป็นต้องแต่งเพลงเองก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี เธอก็ยังอุตส่าห์เขียนเพลงเอาไว้สองเพลงอยู่ในอัลบั้มชุดนี้ คือเพลง The Hunter (แทรคที่ 9) กับเพลง I Can’t Hide (แทรคที่ 10)

สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นคุณสมบัติเด่นในงานแทบทุกชุดของเธอก็คือคุณภาพการบันทึกเสียงที่เข้าขั้นดีเยี่ยม อัลบั้มชุดนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะบันทึกเสียงด้วยระบบดิจิตัลตั้งแต่เริ่มต้นแต่ก็ไม่ปรากฏอาการ “ขึ้นขอบ” ที่ทำให้เสียงออกมาแข็งกร้าวแต่อย่างใด จุดเด่นของซีดีแผ่นนี้อยู่ที่เสียงทุ้มที่มีพลังและมีมวลเข้มมาก เป็นจุดเด่นของการบันทึกเสียงในระบบดิจิตัลที่สามารถเก็บเกี่ยวรายละเอียดของความถี่ตอบสนองได้กว้างกว่าระบบอะนาล็อก โดยเฉพาะในย่านทุ้มที่สามารถตอบสนองความถี่ได้ลึกกว่าและสกัดตัวเสียงออกมาได้ชัดเจนเป็นตัวเป็นตนมากกว่า

เวทีเสียงของซีดีแผ่นนี้ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งพอสมควร การจัดเรียงชิ้นดนตรีเป็นที่เป็นทางมีความสมมาตรอยู่ในระดับที่ดี ไม่ทำให้รู้สึกว่าสนามเสียงมีน้ำหนักที่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง มีการจัดเรียงระนาบของเสียงให้เกิดความรู้สึกของความเป็นสามมิติได้ชัดเจนดี..

อะไรๆ ก็ดีแต่ทำไมได้ได้คะแนนถึง 10 เต็ม..??

เนื่องจากว่าตัวเสียงแต่ละชิ้นดนตรีนั้นจะมีอาการคลุมเครือปกคลุมห้อมล้อมอยู่เล็กน้อย อาการที่ว่านั้นทำให้รู้สึกว่ามองเข้าไปไม่ถึงรายละเอียดเฉพาะตัวของแต่ละเสียงดนตรีเพราะมีสิ่งที่ว่ามาขวางกั้นอยู่ อาจจะเป็นเพราะความเข้มข้นของตัวเสียงที่ปรากฏขึ้นในอากาศนั้นไม่คงทนอยู่นานให้สดับรายละเอียดได้หมดจดก็เป็นได้ สิ่งนี้จะมองเห็นได้ชัดถ้าทดลองฟังแผ่นเก่าๆ ที่บันทึกเสียงด้วยระบบอะนาล็อกดีๆ มาเทียบกัน หรือจะใช้อัลบั้มชุด Famous Blue Raincoat เป็นตัวเทียบก็ได้ คุณจะเห็นว่าแผ่นอัลบั้มชุด Famous Blue Raincoat ให้ตัวเสียงที่สามารถมองทะลุลงไปในรายละเอียดได้ครบถ้วนชัดเจนมากกว่าเรียกว่าคุณแทบจะมองเห็นลักษณะการขยับริมฝีปากของนักร้องได้อย่างชัดเจนทีเดียว ส่วนอัลบั้มชุดนี้ดูเหมือนจะออกมามัวๆ นิดๆ เหมือนจะเกลี่ยๆ ออกไปให้ฟังดูนุ่มนวลหูทำนองนั้น

นอกจากข้อตำหนิเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นแล้วสิ่งที่เหลืออยู่นั้นก็นับว่าดีมากเกือบทุกด้าน เสียงเบสลึกๆ ให้มวลที่แน่นและดีดตัวได้ไม่จมขุ่นเหมือนอัลบั้มทั่วๆ ไป ลองฟังแทรคที่ 8 เพลง Way Down Deep ดูซิครับ.. คุณจะได้ยินเสียงเบสที่ลึกและมีพลังแถมมีรูปมีทรงที่เป็นตัวเป็นตนสะอาดสะอ้านอย่างชัดเจน ต้องขอชมว่าซีดีแผ่นนี้ให้เสียงทุ้มที่สะอาดมาก ความถี่ตอบสนองลงไปได้ลึกจริงๆ มันไต่ลงไปต่ำมากจนทอดปลายเสียงหายไปจากการได้ยินของหูเหลือเป็นความรู้สึกที่ผิวหนังเป็นริ้วๆ เท่านั้น ถ้าคุณใช้ลำโพงขนาดใหญ่และเพาเวอร์แอมป์บิ๊กๆ ผมแนะนำให้ทำการปรับอะคูสติกของห้องฟังและปรับตำแหน่งวางลำโพงให้ดีซะเถอะ แล้วจะได้พบกับความมหัศจรรย์จากซีดีแผ่นนี้แน่

ทำนองเดียวกันถ้าห้องฟังไม่ดีหรือแอมป์มีแดมปิ้ง-แฟ็กเตอร์ไม่สูงพอก็ไม่ควรเปิดฟังดังนัก เพราะคุณอาจจะเจอปัญหาเก็บเบสไม่อยู่ได้ง่ายๆ ใครอยากจะฝึกฝนวิทยายุทธในการปรับเซ็ตห้องฟังก็ลองใช้แทรคที่ 8 ในซีดีแผ่นนี้เป็นเพลงอ้างอิงก็แล้วกัน ถ้าคุณสามารถปราบพยศของเสียงเบสในแทรคนี้ให้ทิ้งตัวลงพื้น มีพลังดีดตัว และไม่สั่นค้างได้สำเร็จ ก็แสดงว่าซิสเต็มของคุณพร้อมแล้วสำหรับฟังเพลงที่มีเสียงทุ้มโหดๆ ทุกแผ่น

ว่าเข้านั่น..!!

จำชื่อคนบันทึกเสียงไว้สักหน่อยก็แล้วกัน เขาชื่อ Elliot Scheiner ทั้งอัดเอง และมิกซ์เองเสร็จสรรพ ฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว และอยากกระซิบดังๆ ให้อีกว่า นายไชเนอร์คนนี้เค้ากำลังดังระเบิดในวงการบันทึกและมิกซ์เสียงระบบมัลติแชนเนลด้วยนะครับ ทราบว่าเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วแกก็ไปกวาดรางวัลแกรมมี่ อะวอร์ดสาขาซาวนด์เอ็นจิเนียร์ของระบบมัลติแชนเนลมาด้วยนะ จะบอกให้..!

ผมมีแผ่นซีดีชุดนี้อยู่ในตู้ 2 แผ่น แผ่นหนึ่งนั้นเป็นแผ่นที่ผมซื้อมาตั้งแต่ปี 1992 ปีแรกที่อัลบั้มชุดนี้วางตลาด อีกแผ่นหนึ่งเป็นแผ่นที่เพิ่งได้รับมาใหม่สดๆ ร้อนๆ จากบริษัทอิมแพ็คฯ เท่าที่ผมสังเกตดูรายละเอียดของแผ่นซีดีทั้งสองแผ่นนี้แล้วมันเหมือนกันทุกจุดยกเว้นโรงงานที่ปั๊มแผ่นเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ต่างกัน รายละเอียดตรงนี้คุณสามารถตรวจดูได้ตรงขอบแผ่นวงในตรงส่วนที่ใกล้ๆ กับวงกลมตรงกลางแผ่น วิธีดูก็ให้หงายแผ่นมองด้านข้อมูลเพลง (ไม่ใช่ด้านที่เป็นสกรีนตัวหนังสือ) คุณจะเห็นว่าตรงบริเวณรอบๆ วงกลมด้านในจะมีตัวหนังสือและสัญลักษณ์เขียนไว้จำนวนหนึ่ง รายละเอียดเหล่านี้จะอยู่ในรูปของตัวย่อและตัวเลข ซึ่งแต่ละแผ่นแต่ละอัลบั้มก็อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทที่เป็นคนตัดแผ่นซีดีแผ่นนั้นจะพิมพ์อะไรไว้ ส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นข้อมูลของแคตตาล็อกของแผ่นกับชื่อบริษัทผู้ที่ทำการตัดแผ่นซีดีนั้นๆ

แผ่นเก่าเดิมที่ผมซื้อไว้เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วนั้นพิมพ์ไว้ว่า Disc MFG, Inc. (H) ซึ่งหมายถึงตัดแผ่นโดยบริษัท Disc Manufacture, Inc. แล้วมีวงเล็บต่อท้ายว่า (H) ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นตัวย่อของอะไร แต่ถ้าจะให้เดาก็น่าจะหมายความว่าซีดีแผ่นนี้ปั๊มโดยบริษัท ดิสก์ แมนูแฟ็กเจอร์, อิมคอร์เปอเรชั่นฯ ในประเทศฮอลแลนด์ ส่วนแผ่นใหม่ที่ผมเพิ่งได้รับมาจากบริษัท อิมแพ็คฯ นั้นมีตัวอักษรระบุไว้ชัดเจนในบริเวณเดียวกันว่า Sonopress USA ซึ่งน่าจะหมายความว่าแผ่นซีดีแผ่นนี้ถูกปั๊มโดยบริษัท โซโนเพรสฯ ในอเมริกา

ตรงนี้มีผลอะไร..??

อันที่จริงโดยส่วนตัวแล้วผมมีความสงสัยอยู่เสมอตั้งแต่ซื้อแผ่นซีดีอัลบั้มนี้มาฟังเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วว่า แผ่นซีดีที่ผมซื้อมานั้นผลิตที่ไหนเพราะในปกแผ่นและบนตัวแผ่นก็ไม่ได้ระบุไว้ วันนี้ได้รับมาใหม่ก็มองหาดูทุกจุดก็ไม่พบรายละเอียดอะไรที่ต่างกันเลยนอกจากจุดที่กล่าวมาแล้วเท่านั้นเอง ดูผิวเผินแล้วเหมือนกันมากครับ..

มาแปลกใจต้องร้องโอ้โห.. อะไรกัน (วะ) ก็อีตอนที่ได้ทดลองฟังเสียงเปรียบเทียบกันนี่แหละ สองแผ่นนี้ให้คุณภาพเสียงต่างกันครับ..!

แผ่นที่พิมพ์ขอบแผ่นว่า Sonopress USA ให้เสียงที่ตอบสนองความถี่ได้กว้างกว่า ลองฟังแทรคที่ 8 จะเห็นได้ชัดตรงเสียงทุ้มของแผ่น Sonopress USA ที่ทอดตัวลงไปได้ลึกกว่าจนรู้สึกได้ชัดเจนและรับรู้ถึงพลังของมวลคลื่นความถี่ต่ำที่แผ่ออกมาถึงตัวมากกว่าด้วย แผ่น Disc MFC, Inc. นั้นให้เสียงที่รวบรัดและทอดหางเสียงออกไปสั้นกว่า เมื่อฟังรวมๆ แล้วพบว่าความเป็นดนตรีนั้นแผ่น Disc MFG, Inc. จะเป็นรองแผ่น Sonopress USA ที่ฟังแล้วให้ความต่อเนื่องและทอดหางเสียงได้อารมณ์มากกว่า น่าฟังกว่าเพราะไม่ห้วน

สรุปแล้วทั้งสองแผ่นที่ผมมีอยู่กับตัวนี้มีมาตรฐานในการผลิตแผ่นใกล้เคียงกันมากเมื่อดูจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการพิมพ์ปกแผ่นก็ไม่ต่างกันเลย เนื้อกระดาษก็เหมือนกัน สีสันก็แทบไม่ต่างกัน แต่คุณภาพเสียงออกมาต่างกัน แม้จะไม่มากถึง 30-40% แต่ผมเชื่อว่าคนที่เล่นเครื่องเสียงน่าจะฟังออกถึงความแตกต่างตรงนั้น ผมจะไม่ขอพูดถึงว่าควรจะซื้อใหม่หรือเปล่าสำหรับคนที่มีแผ่นที่ปั๊มในฮอลแลนด์อยู่ก่อนแล้ว แต่อยากจะแนะนำให้คนที่ยังไม่เคยซื้ออัลบั้มชุดนี้มาฟังให้เลือกซื้อแผ่นที่ปั๊มโดย Sonopress USA ถ้าทำได้นะครับ.

…………………………………..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น